หายหน้าหายตาจากวงการไปพักใหญ่ สำหรับ “ชูษี เชิญยิ้ม” นักแสดงตลกชื่อดัง ทำให้หลายคนสงสัยว่าหายไปไหน ในขณะเดียวกันเพื่อนในวงการก็เริ่มจับสังเกตได้ว่าช่วงนี้มีการโพสต์คำสอนต่างๆ ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ล่าสุด ยูทูบช่อง “เหลือเฟือ ชาเเนล” ช่องของ “เหลือเฟือ มกจ๊ก” ตลกชื่อดังได้เดินทางไปสัมภาษณ์ “ชูษี เชิญยิ้ม” ถึงในวัด ซึ่งเจ้าตัวเปิดใจหมดเปลือกถึงเหตุผลการไปอยู่วัด การโพสต์สอนคนในเฟซบุ๊กและการปลงสังขารของตนเอง

โดยเริ่มเล่าชีวิตตัวเองให้ฟังว่า “มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.65 แล้ว แท้จริงแล้วเป็นคนอยุธยา มีพี่น้อง 6 คน น้องตายไปแล้ว 3 คน (เป็นลูกติดของแม่) ตอนเด็ก ๆ ลำบาก พอโตมาก็ไม่ค่อยลำบาก เริ่มเข้าวงการเมื่อพ.ศ.2516 ตอนนั้นอายุ 13 ปี เดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาอยู่วงดนตรี เริ่มเป็นนักร้องจากการประกวด ทำอาชีพนี้ได้ประมาณ 2 ปี แล้วย้ายวงไปอยู่ใต้

หลังจากนั้นก็ได้มาอยู่กับ “สายัณห์ สัญญา” เคยโดนไล่ออกมาหลายครั้ง เพราะเมาสุรา หลังจากนั้นก็ย้ายไปเล่นตลกกับวง “ศรชัย เมฆวิเชียร” เป็นการเล่นคาเฟ่เต็มตัวเมื่อปีพ.ศ.2526 และมาอยู่คณะเชิญยิ้มกับ “พี่เป็ด เชิญยิ้ม” ตอนปีพ.ศ.2529 จากนั้นจึงได้ออกมาตั้งเองเป็นคณะชูษี เมื่อปีพ.ศ. 2532 -2533 ซึ่งเป็นการตั้งวงร่วมกับ “เท่งและโหน่ง ชะชะช่า”

ทำไมถึงมาอยู่ที่วัด?

“จริงๆ ไม่ได้คิดมาอยู่ แต่หลวงตาถามกับผู้พิพากษาที่รู้จักเรา เขาเคยแต่งเพลงให้เราร้อง หลวงตาบอกจะเอาเราไปร้องเพลง จากนั้นเราก็เดินทางมากราบหลวงตาขอฝากตัวเป็นศิษย์”

เชื่อมั่นอะไร ทำไมอยากมาหลวงตา?

“ตอนนั้นแค่อยากมาหา เพราะด้วยความที่อยากรู้ เลยมานอนที่นี่ได้ 1 คืน วันรุ่งขึ้นก็กลับบ้าน จากนั้นหลวงตาถามว่าว่างไหม ถามว่ารับงานเท่าไหร่ เราเลยบอกว่าถ้าคนเดียวรับงาน 30,000 บาท ถ้าเป็นคณะก็ 60,000 – 70,000 บาท หลวงตาบอกจะจ้างคนเดียวให้ 50,000 บาท และจะออกค่าเครื่องบินให้ด้วย แต่ตอนนั้นเราติดงานไปไม่ได้ แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจยอมทิ้งงานอีกที่ เพราะความรู้สึกอยากมาหาหลวงตา จากนั้นก็เริ่มมาเริ่มซึมซับ โดยมาทีละ 4-5 วัน มีครั้งนึงออกจากแล้วเราวัดร้องไห้โฮเลย ตอนต้องกราบลาหลวงตา ถามว่ารู้สึกผูกพันธ์กับหลวงตาที่นี่หรือเปล่า ไม่รู้เหมือนกัน หลวงตาบอกมันไม่มีอะไรบังเอิญบนโลกใบนี้ พร้อมบอกกูก็พูดอะไรมากไม่ได้ แล้วคำพูดแกมันมีนัยยะบางอย่าง แกบอกมันอยู่ที่บารมีหรือนิสัยของเรา”

จากคนที่กินเหล้าดูดบุหรี่เที่ยวหญิง ทำไมเปลี่ยนขนาดนี้ ทำไมถึงเริ่มโพสต์สอนคนอื่น?

“เพราะเราไม่ดีเราถึงมาวัด คือมันเป็นคำพูดของหลวงตา เราไม่มีปัญญาคิดคำเล่านี้ได้หรอก ที่เราโพสต์เรื่องต่าง ๆ คือเราไม่ได้สอน แต่อยากเตือนเพื่อนศิลปินมากกว่า ทุกวันนี้ไม่ได้กินเหล้าเลย แต่ยังสูบบุหรี่อยู่ กัญชาก็ไม่เอาเลย ไม่แตะเลย อยู่วัดก็ไม่ได้ทำอะไรมาก ก็กวาด ขัดห้องน้ำ ตื่นเช้ามาก็ช่วยบิณฑบาต ออกมาพูดเป็นกระบอกเสียงให้พุทธศาสนาบ้างคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ทุกวันนี้ก็อยู่ที่นี่เลย ถามว่าจะเล่นละครไหม ก็ตั้งสัจจะกับหลวงตาไว้ว่า ถ้าออกจากวัดต้องมี 50,000 บาทต่อวัน เป็นงานอะไรก็ได้ แต่ขอเงินสด 50,000 มานั่งคิดดูแล้ว 49 ปี ที่ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่แบบนี้เป็นเพราะอะไร ไม่ใช่ว่าเราไม่มีแต่เป็นเพราะเราไม่พอ เพราะกามราคะตัวนี้เลยทำให้เราเหนื่อยจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้มานั่งคิดว่าแค่ข้าวมื้อนึงก็อิ่มแล้ว จะดิ้นรนทำไม ตอนนี้อายุ 63 ปีแล้ว ถ้าตายพรุ่งนี้ทำไง ที่มาวัดก็เพราะทุกข์ แต่เราไม่รู้ว่ามันคือความทุกข์ คนเราจะมองไม่เห็นจนกว่าจะได้มานั่งปฏิบัติธรรม เมื่อก่อนนั่งสมาธิ 5-10 นาทีก็เคยรู้สึกอึดอัด ตอนนี้นั่งเป็นชั่วโมงก็ทำได้ อยู่ที่ไหนก็นั่งปฏิบัติทำ ตอนนี้กำลังฝึกการตัดความพอใจกับไม่พอใจในสมองอยู่ จะได้มีแต่ความพอใจแบบหลวงตา”

ทำไมไม่บวช?

“หลวงตาบอกนิสัยเราไม่เคยเป็นพระ เป็นแบบนี้มาหลายภพหลายชาติแล้ว แต่สามารถอยู่แบบนี้ได้ หลวงตาชอบพูดอะไรมีนัยยะตลอด ชีวิตเราเคยพลาดมาตั้งแต่สมัย “อ๊อด ปากดี” โดนหาว่าเอาคนติ๊งต๊องมาหากิน มาชุบมือเปิบ ทั้งที่ตอนนี้มันมีรถมีบ้าน แต่เรามาอยู่วัด ใครจะว่าเราตกกระป๋อง หากินกับพระ เรายอมรับ จบที่เราเบาที่สุด ที่เรามองว่าคนอื่นไม่ดี เพราะใจเราไม่ดี ด่าคนอื่นก็เหมือนด่าตัวเอง ถามว่ามาอยู่วัดแล้วได้อะไรบ้าง ทุกวันนี้ไม่ได้อะไร เหมือนมารอความตาย มาฝึกตาย มาทำลายตน คนเราเกิดมาสำคัญตนเพราะความคิดนี่แหละ เพราะกิเลศตัดหา อยากให้คนนู้นคนนี้เป็นแบบนี้ ที่โพสต์ไปไม่ได้สอนใคร แต่ไม่อยากให้ใครตายฟรี ไม่อยากให้ทำงานหาเงินจนลืมเวลาค้นหาใจตัวเอง”